โรงไฟฟ้านิวเคลียร์
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ พลังงานนิวเคลียร์ | โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ | เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ (Nuclear Reactor) | ผลของรังสีต่อสิ่งมีชีวิต และ การป้องกันรังสี
ทุกวันนี้เรื่องราคาน้ำมันทำให้คนไทยตื่นตัวเรื่องพลังงานกันอย่างมาก โดยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก็เป็นอีก 1 ทางเลือกที่ถูกยกขึ้นมาพูดถึงอีกครั้ง เรามาดูข้อมูลรอบด้านของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์กัน
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ จัดเป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนชนิดหนึ่ง มีหลักการทำงาน คล้ายคลึงกับโรงไฟฟ้า ที่ใช้น้ำมัน ถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ เป็นเชื้อเพลิง โดยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้น สามารถแบ่งส่วนการทำงาน ได้ 2 ส่วน คือ
1.ส่วนเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ จะใส่แท่งเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ ไว้ในน้ำภายในโครงสร้างที่ปิดสนิท เพื่อให้ความร้อน ที่ได้จากปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชัน ไปต้มน้ำ ผลิตไอน้ำ แทนการผลิตไอน้ำ จากการสันดาปเชื้อเพลิง ชนิดที่ก่อให้เกิดก๊าซมลพิษ
2.ส่วนผลิตไฟฟ้า เป็นส่วนที่รับไอน้ำ จากเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ แล้วส่งไปหมุนกังหันผลิตไฟฟ้า ซึ่งส่วนนี้ เป็นองค์ประกอบ ของโรงไฟฟ้าพลังความร้อนทุกชนิด
ส่วนประกอบของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ส่วนกำเนิดพลังงาน ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ กล่าวโดยกว้างๆ จะประกอบด้วย เชื้อเพลิงนิวเคลียร์ น้ำที่ใช้ระบายความร้อน และเป็นสารหน่วงความเร็วนิวตรอนด้วย ถังปฏิกรณ์ความดันสูง ระบบควบคุมปฏิกิริยา ระบบควบคุมความปลอดภัย ซึ่งช่วยป้องกันและแก้ไข กรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน และระบบผลิตไอน้ำ เป็นต้น
เชื้อเพลิงยูเรเนียม ที่ใช้ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยปกติจะมีความเข้มข้นของไอโซโทปยูเรเนียม-235 ประมาณร้อยละ 2 (ที่เหลือเป็นยูเรเนียม-238 ซึ่งไม่สามารถเกิดปฏิกิริยาฟิชชันได้ ในสภาวะของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วไป) ในรูปออกไซด์ ของยูเรเนียม โดยได้มาจากการ ถลุงแร่ยูเรเนียม ที่มีอยู่ในธรรมชาติ (ไอโซโทปยูเรเนียม ที่มีอยู่ในธรรมชาติ ประกอบด้วยยูเรเนียม-235 ประมาณร้อยละ 0.7 และเป็นยูเรเนียม-238 ประมาณร้อยละ 99.27 ที่เหลือเป็นยูเรเนียม-234 ปริมาณน้อยมาก) แล้วนำไปผ่าน กระบวนการเสริมสมรรถนะ ให้มีปริมาณยูเรเนียม-235 มากขึ้น และหลังจากที่ ทำให้อยู่ในรูปของออกไซด์ แล้วถูกอัดทำให้เป็นเม็ดเล็กๆ บรรจุภายในแท่งโลหะผสม ของเซอร์โคเนียม ซึ่งจะถูกนำมารวมกลุ่มกัน เป็นมัดเชื้อเพลิง ประกอบกันเป็นแกนปฏิกรณ์ บรรจุอยู่ภายในถังปฏิกรณ์ ที่ทนความดันสูง ภายในถังปฏิกรณ์ มีน้ำ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมความกดดันบรรจุอยู่ เพื่อใช้เป็นตัวระบายความร้อน ออกจากแท่งเชื้อเพลิงโดยตรง และยังใช้ประโยชน์ เป็นตัวหน่วงความเร็วของนิวตรอนด้วย เพื่อให้นิวตรอนที่เกิดขึ้น มีความเร็วพอเหมาะ ที่จะเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชันต่อไปได้
ปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิชชัน ในเชื้อเพลิงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้น ควบคุมได้โดยใช้แท่งควบคุม ซึ่งเป็นสารที่มีคุณสมบัติพิเศษ ในการดูดจับอนุภาคนิวตรอน เช่น โบรอนคาร์ไบด์ ทำหน้าที่ควบคุม ให้เกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์เพิ่มขึ้น หรือลดลง ตามที่ต้องการ โดยการเลื่อนแท่งควบคุมเข้าออก ภายในแกนปฏิกรณ์ตามแนวขึ้นลง เพื่อดูดจับอนุภาคนิวตรอนส่วนเกิน
แบบของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
ปัจจุบันทั่วโลก ได้นิยมใช้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 3 แบบ ได้แก่
ปัจจุบันทั่วโลก ได้นิยมใช้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 3 แบบ ได้แก่
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบใช้น้ำความดันสูง (Pressurized Water Reactor : PWR)
1. โรงไฟฟ้าชนิดนี้ จะถ่ายเทความร้อน จากแท่งเชื้อเพลิงให้น้ำ จนมีอุณหภูมิสูงประมาณ 320 องศาเซลเซียส ภายในถังขนาดใหญ่ จะอัดความดันสูงประมาณ 15 เมกะปาสคาล (Mpa) หรือประมาณ 150 เท่าของความดันบรรยากาศไว้ เพื่อไม่ให้น้ำเดือดกลายเป็นไอ และนำน้ำส่วนนี้ ไปถ่ายเทความร้อน ให้แก่น้ำหล่อเย็นอีกระบบ
หนึ่ง เพื่อให้เกิดการเดือด และกลายเป็นไอน้ำออกมา เป็นการป้องกัน ไม่ให้น้ำในถังปฏิกรณ์ ซึ่งมีสารรังสีเจือปนอยู่ แพร่กระจายไปยังอุปกรณ์ส่วนอื่นๆ ตลอดจนป้องกัน การรั่ว ของสารกัมมันตรังสี สู่สิ่งแวดล้อม
โรงไฟฟ้าแบบน้ำเดือด (Boiling Water Reactor : BWR) 1. สามารถผลิตไอน้ำได้โดยตรง จากการต้มน้ำภายในถัง ซึ่งควบคุมความดันภายใน (ประมาณ 7 Mpa) ต่ำกว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบแรก (PWR) ดังนั้น ความจำเป็น ในการใช้เครื่องผลิตไอน้ำ และแลกเปลี่ยนความร้อน ปั๊ม และอุปกรณ์ช่วยอื่นๆ ก็ลดลง แต่จำเป็นต้อง มีการก่อสร้างอาคารป้องกันรังสีไว้ ในระบบอุปกรณ์ส่วนต่างๆ ของโรงไฟฟ้า เนื่องจากไอน้ำจากถังปฏิกรณ์ จะถูกส่งผ่านไปยังอุปกรณ์เหล่านั้นโดยตรง
โรงไฟฟ้าแบบใช้น้ำมวลหนักความดันสูง (Pressurized Heavy Water Reactor : PHWR) ซึ่งประเทศแคนาดา เป็นผู้พัฒนาขึ้นมา จึงมักเรียกชื่อย่อว่า “CANDU” ซึ่งย่อมาจากคำว่า Canadian Deuterium Uranium มีการทำงานคล้ายคลึงกับ แบบ PWR แต่แตกต่างกันที่ มีการจัดแกนปฏิกรณ์ในแนวระนาบ และเป็นการต้มน้ำ ภายในท่อขนาดเล็ก จำนวนมาก ที่มีเชื้อเพลิงบรรจุอยู่ แทนการต้มน้ำ ภายในถังปฏิกรณ์ขนาดใหญ่ เนื่องจากสามารถผลิตได้ง่ายกว่า การผลิตถังขนาดใหญ่ โดยใช้ “น้ำมวลหนัก” (Heavy Water, D2O) มาเป็นตัวระบายความร้อน จากแกนปฏิกรณ์ นอกจากนี้ ยังมีการแยกระบบใช้น้ำมวลหนัก เป็นตัวหน่วงความเร็ว ของนิวตรอนด้วย เนื่องจากน้ำมวลหนัก มีการดูดกลืนนิวตรอน น้อยกว่าน้ำธรรมดา ทำให้ปฏิกิริยานิวเคลียร์ เกิดขึ้นได้ง่าย จึงสามารถใช้เชื้อเพลิงยูเรเนียม ที่สกัดมาจากธรรมชาติ ซึ่งมียูเรเนียม-235 ประมาณร้อยละ 0.7 ได้ โดยไม่จำเป็น ต้องผ่านกระบวนการปรังปรุง ให้มีความเข้มข้นสูงขึ้น ทำให้ปริมาณผลิตผล จากการแตกตัว (fission product) ที่เกิดในแท่งเชื้อเพลิงใช้แล้ว มีน้อยกว่าเครื่องปฏิกรณ์ แบบใช้น้ำธรรมดา
ข้อดีและข้อเสียของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
ข้อดี
ข้อดี
1. เป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าขนาดใหญ่สามารถให้กำลังผลิตสูงกว่า 1,200 เมกะวัตต์
2. มีต้นทุนการผลิตไฟฟ้าแข่งขันได้กับโรงไฟฟ้าชนิดอื่น
3. เป็นโรงไฟฟ้าที่สะอาด ไม่ก่อให้เกิดมลพิษ
4. สริมสร้างความมั่นคงของระบบผลิตไฟฟ้า เนื่องจากใช้เชื้อเพลิงน้อย ทำให้เสถียรภาพใน การจัดหาเชื้อเพลิง และราคาเชื้อเพลิง มีผลกระทบ ต่อต้นทุนการผลิตเล็กน้อย
ข้อเสีย
1. ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นสูง
2. จำเป็นต้องเตรียมโครงสร้างพื้นฐาน และการพัฒนาบุคลากร เพื่อให้การดำเนินงาน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
3. จำเป็นต้องพัฒนา และเตรียมการ เกี่ยวกับการจัดกากกัมมันตรังสี การดำเนินงาน ด้านแผนฉุกเฉินทางรังสี และมาตรการควบคุม ความปลอดภัย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ
4. การยอมรับของประชาชน
โครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศไทย
ในปี พ.ศ. 2519 รัฐบาลได้อนุมัติ ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ขนาด 600 เมกะวัตต์ ที่อ่าวไผ่ อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี แต่ได้มีการคัดค้าน จากประชาชน ทำให้รัฐบาลจัดสินใจ ล้มเลิกโครงการไปในที่สุด
คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ ได้บรรจุในแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า โดยโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ กำหนดให้มีโรงไฟฟ้าในปี พ.ศ. 2563-2564 รวมกำลังผลิต 4,000 เมกะวัตต์ หรือจะเท่ากับปริมาณโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 4 โรงนั้น ระยะเวลาการก่อสร้างต่อโรงอยู่ที่ประมาณ 6-7 ปี
ด้านแหล่งข่าวจากสมาคมนิวเคลียร์แห่งประเทศไทยกล่าวว่า การก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศไทย หากเริ่มวันนี้ยังถือว่า "ทันเวลา" เมื่อพิจารณาจากแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าฉบับล่าสุดที่กำหนดให้มีโรงไฟฟ้าในปี 2563-2564 รวมกำลังผลิต 4,000 เมกะวัตต์ หรือจะเท่ากับปริมาณโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 4 โรงนั้น ระยะเวลาการก่อสร้างต่อโรงอยู่ที่ประมาณ 6-7 ปี
ฉะนั้นกระบวนการทั้งหมดจะเหลือเพียงประมาณ 5 ปีเท่านั้น ก่อนที่จะมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โรงแรกในปี 2556 นี้
ดังนั้นหากประเทศไทยอยากให้มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ทันตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ในแผน PDP 2007 แล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ หรือ กฟผ.จะต้องเร่งดำเนินการใน 4 เรื่องคือ
1. กฎหมายว่าด้วยความรับผิดด้านนิวเคลียร์ (Nuclear liability Law) ซึ่งไม่แน่ใจว่าวันนี้ประเทศไทยมีกฎหมายนี้ไว้คุ้มครองผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในอนาคตหรือไม่ เพราะไม่ว่าการก่อสร้างจะใช้บริษัทใดก็ตามที่ระบุว่าดีที่สุดในโลก แต่เมื่อ มีปัญหาเกิดขึ้นจะไม่มีการรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น
2. ความพร้อมด้านบุคลากร เช่น นักนิวเคลียร์เทคโนโลยี หรือ นักฟิสิกส์นิวเคลียร์ ซึ่งในวันนี้เท่าที่ทราบประเทศไทยมีเพียง 2 คนเท่านั้น ที่จบในระดับปริญญาเอกด้านนี้ ยังไม่นับรวมกับบุคลากรของสำนักงานพลังงานปรมาณูเพื่อสันติที่มีอยู่ หากเร่งเพิ่มบุคลากรตั้งแต่ระดับปริญญาตรีคือรับนักศึกษาเฉพาะด้านในช่วงปี 2551 และให้ศึกษาต่อเนื่องจนถึงระดับปริญญาโทและเอก จะสอดรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์โรงแรกพอดีในปี 2563
3. การบริหารจัดการทางการเงินที่ดี เนื่องจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีต้นทุนสูงมาก ฉะนั้นไม่ว่าใครจะเข้ามาดำเนินการต้องคำนึงในเรื่องนี้ด้วย
4. การทำความเข้าใจกับประชาชนให้รับรู้ว่าวันนี้เทคโนโลยีก้าวหน้าไปมาก โดยเฉพาะในเรื่องของความปลอดภัย
ที่สำคัญก็คือวันนี้ต้องเริ่มทำความเข้าใจกับประชาชนแล้วว่า มีความจำเป็นอย่างไรที่ประเทศไทยจะต้องมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์กับแผ่นดินไหว | |||
ในปี 1995 โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากเมืองโกเบไปทางเหนือ 110 กิโลเมตร ไม่ได้รับผลกระทบ ที่เกิดจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่โกเบและโอซากา (Kobe-Osaka earthquake) ในปี 1999 โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 3 แห่ง ดับเครื่อง (shut down) โดยอัตโนมัติ เมื่อเกิดแผ่นดินไหวในไต้หวัน และเริ่มเดินเครื่องอีกครั้งใน 2 วันต่อมา โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในญี่ปุ่นและอีกเป็นส่วนใหญ่ในที่อื่น ได้รับการออกแบบให้คงทนต่อแผ่นดินไหว และการเคลื่อนที่ของแผ่นเปลือกโลก ทำให้ดับเครื่องลงได้โดยปลอดภัย
|
ไต้หวันในปี 1999 เหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาด 7.3 ทางตอนกลางของไต้หวัน เมื่อวันที่ 21 กันยายน 1999 ทำให้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 3 หน่วย ที่ Chinshan และ Kuosheng ทางตอนเหนือของเกาะดับเครื่องลง โดยอัตโนมัติ และกลับมาเดินเครื่องอีกครั้งใน 2 วันต่อมา ขณะที่เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เครื่องที่ 4 กำลัง อยู่ระหว่างการเปลี่ยนเชื้อเพลิง (refuel) เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 2 หน่วยที่ Maanshan ทางตอนใต้ของเกาะ ยังคงเดินเครื่องอย่างต่อเนื่อง แต่ลดกำลังในการเดินเครื่องลงเนื่องจากมีความเสียหายในส่วนของระบบ การส่งไฟฟ้า หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวสิ่งที่ต้องเร่งทำ คือการหาทางส่งไฟฟ้ากลับให้ภาคอุตสาหกรรม ให้เร็วที่สุด |
มาตรฐานการออกแบบ (DESIGN CRITERIA) อุปกรณ์ทางด้านนิวเคลียร์ได้รับการออกแบบมาให้ทนทานต่อแผ่นดินไหวหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายนอก ไม่ให้มีอันตรายต่อระบบความปลอดภัยของโรงไฟฟ้า เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นมีความถี่และขนาดของแผ่นดิน ไหวเกิดขึ้นค่อนข้างสูง จึงมีการพิจารณารายละเอียดในการหาที่ตั้ง การออกแบบและก่อสร้างโรงไ ฟฟ้านิวเคลียร์ค่อนข้างมากการออกแบบโรงไฟฟ้าให้ต้านทานต่อแผ่นดินไหว ต้องใช้มาตรฐาน ด้านความแข็งแรงสูงกว่าโรงไฟฟ้าที่ไม่ใช้นิวเคลียร์ (non-nuclear) โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของ ญี่ปุ่นได้รับการออกแบบให้ทนทานต่อแผ่นดินไหวที่ความเข้ม 2 ระดับคือ S1 และ S2 พื้นฐานการออกแบบให้ต้านทานต่อแผ่นดินไหว สำหรับการเคลื่อนตัวของพื้นดินระดับ S1 หมายถึง แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่สุดที่คาดว่าจะเกิดตรงตำแหน่งที่สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ โดยใช้ข้อมูลความรู้ของแผ่นดินไหวในบริเวณนั้น โดยเครื่องปฏิกรณ์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์สามารถ เดินเครื่องต่อเนื่องได้อย่างปลอดภัยเมื่อแผ่นดินไหวที่ระดับ S1 แต่ในทางปฏิบัติจะถูกปรับให้ลดกำลัง การเดินเครื่องให้อยู่ในระดับที่ต่ำลง แผ่นดินไหวขนาดใหญ่ขึ้นจากการเคลื่อนตัวของพื้นโลก เนื่องจาก โครงสร้าง tectonic ของเปลือกโลกหรือกรณีอื่นจะนำมาพิจารณาร่วมด้วย แม้ว่าจะมีผลน้อยมากก็ ตาม แผ่นดินไหวจากการเคลื่อนตัวของแผ่นดินขนาดใหญ่ที่สุดที่จะเป็นไปได้ การออกแบบเพื่อ รองรับแผ่นดินไหวจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกอยู่ที่ระดับ S2 ระบบความปลอดภัยของ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะทำงานเมื่อแผ่นดินไหวที่ระดับ S2 โดยจะดับเครื่องลงได้อย่างปลอดภัย และไม่มีการรั่วไหลของกัมมันตภาพรังสีออกมา โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์มีการติดตั้งเครื่องตรวจจับแผ่นดินไหว ถ้าตรวจพบการสั่นสะเทือน ของพื้นดินตามระดับที่กำหนด ซึ่งมักจะต่ำกว่าระดับ S1 อยู่ช่วงหนึ่ง เพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น ระบบจะทำงานโดยอัตโนมัติและทำให้โรงไฟฟ้าดับเครื่องลงอย่างปลอดภัย เครื่องปฏิกรณ์ของโ รงไฟฟ้าส่วนใหญ่จะก่อสร้างบนชั้นหินแข็ง เพื่อลดความสั่นสะเทือนที่เกิดจากแผ่นดินไหวให้น้อยที่สุด หลังจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวที่เมืองโกเบ ได้มีการประชุม เพื่อทบทวนระบบความปลอดภัยของ อุปกรณ์ด้านนิวเคลียร์ และการจัดทำแนวทางในการออกแบบและก่อสร้าง คณะกรรมการความปลอดภัย ทางนิวเคลียร์แห่งญี่ปุ่น (Japanese Nuclear Safety Commission) ได้อนุมัติรายงานฉบับนี้ หลังจากที่มี การคำนวณใหม่ การออกแบบเครื่องปฏิกรณ์ของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้ทนทานต่อแผ่นดินไหว และมี คามปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้กับศูนย์กลางของการเกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ ทำให้ได้ข้อสรุปภายใต้แนว ทางฉบับนี้ โดยทำให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะยังคงปลอดภัยอยู่ได้เมื่อแผ่นดินไหวที่ความแรง 7.75 ตามมาตรา Richter ขณะที่แผ่นดินไหวที่เมืองโกเบมีระดับความแรง 7.2 โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งอื่น เช่น Hamaoka ที่อยู่ใกล้กับ Tokai อยู่ในบริเวณที่คาดว่าอาจ จะมีแผ่นดินไหวที่ความแรง 8.5 Richter ก็มีการออกแบบตามมาตรฐานนี้เช่นกัน |
ประสบการณ์ในที่อื่น ก่อนหน้านี้เคยเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวใกล้กับกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หลายแห่งของญี่ปุ่นโดยไม่มีผล กระทบใดๆ เกิดขึ้น ในบางกรณีโรงไฟฟ้าจะดับเครื่องโดยอัตโนมัติ ด้วยระบบความปลอดภัย เนื่องจาก แผ่นดินไหวอาจมีผลต่อการทำงานบางระบบของโรงไฟฟ้าในเดือนตุลาคม ปี 2004 เกิดแผ่นไหวขนาด 6.8 ที่เมือง Niigata ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางเหนือ 250 กิโลเมตร โดยไม่เกิดผลกระทบต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Kashiwazaki Kariwa แต่ 2 สัปดาห์ต่อมาได้เกิดแผ่นไหว ขนาด 5.2 ทำให้เครื่องปฏิกรณ์ฯ เครื่องหนึ่งในหน่วยที่ 7 ดับเครื่องโดยอัตโนมัติ และในเดือนมีนาคม 2005 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.0 ทางตอนเหนือของเกาะ Kyushu ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อโรงไฟฟ้า นิวเคลียร์ Genkai โรงไฟฟ้า Sendai โรงไฟฟ้า Shimane และโรงไฟฟ้า Ikata เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2005 เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 3 หน่วยของโรงไฟฟ้า Onagawa ของบริษัท Tohoku ได้ดับเครื่องลงโดยอัตโนมัติ เมื่อเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.2 ทางตะวันออกเฉียงเหนือของญี่ปุ่น หลังจากที่ผ่านการตรวจสอบอย่างละเอียด เครื่องปฏิกรณ์ Onagawa-2 ได้เริ่มเดินเครื่องอีกครั้งเมื่อ วันที่ 10 มกราคม 2006 โดยมีการวิเคราะห์ทางธรณีเทคนิค (Geotechnical analysis) และ ประเมินความปลอดภัยภายใต้องค์การความปลอดภัยทางนิวเคลียร์และ อุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (Japan's Nuclear & Industrial Safety Agency) ทำหน้าที่ตรวจสอบรายงาน ของบริษัท และคาดว่า Tohoku จะส่งรายงานของเครื่องปฏิกรณ์ฯ หน่วย 1 และ หน่วยที่ 3 ในต้นปี 2006ในระยะ 20 ปีก่อนปี 2004 เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ของญี่ปุ่นไม่เคยดับเครื่องจาก การทำงานเครื่องตรวจจับแผ่นดินไหว ในเดือนพฤศจิกายน 1993 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.8 ทาง ตอนเหนือของเกาะ Honshu ทำให้เกิดแรงสั่น (ground acceleration) ขนาด 0.121g ที่เครื่องปฏิกรณ์ฯ Onagawa 1 ซึ่งเป็นเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์แบบ BWR ขนาด 497 MWe อยู่ห่างจากศูนย์กลางของแผ่นดิน ไหว 30 กิโลเมตร การออกแบบได้ทำให้ระดับของ S1 อยู่ที่ 0.25g และ S2 อยู่ที่ 0.375g และ เครื่องปฏิกรณ์ได้รับการออกแบบให้ดับเครื่องเมื่อวัดแรงสั่นได้ 0.2g แต่เครื่องปฏิกรณ์ถูกดับ |
การเกิดแผ่นดินไหวในครั้งอื่นๆ เครื่องปฏิกรณ์ยังคงทำงานอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น การเกิดแผ่นดิน ไหวขนาด 7.8 ตามมาตรา Richter ที่ชายฝั่งของเกาะฮอกไกโด (Hokkaido) เมื่อเดือนกรกฎาคม 1993 ไม่มีผลกระทบต่อโรงงานนิวเคลียร์ของญี่ปุ่น เครื่องปฏิกรณ์ Tomari 1และ 2 ซึ่งเป็นเครื่องปฏิกรณ์แบบ PWR ขนาด 550 MWe ตั้งอยู่ห่างจากศูนย์กลางของแผ่นดินไหว 95 กิโลเมตร ยังคงเดินเครื่องตามปกติ ในเดือนธันวาคม 1994 แผ่นดินไหวขนาด 7.5 ตามมาตรา Richter ได้ทำลายตอนเหนือของญี่ปุ่น แต่ไม่ ได้ทำให้เกิดความเสียหายต่อเครื่องปฏิกรณ์แบบน้ำเดือด (boiling water reactor) 11 หน่วย หรือ โรงงานนิวเคลียร์ที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งทั้งหมดยังคงเดินเครื่องเป็นปกติ มีการประมาณไว้ว่า 20% ของเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในโลก มีการใช้งานอยู่ในพื้นที่ที่มีนัยสำคัญที่ จะเกิดแผ่นดินไหว เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ทั้งแบบตะวันตกและแบบโซเวียต ต่างก็ได้รับการออกแบบ ให้รองรับต่อแผ่นดินไหว ที่อาจจะเกิดขึ้นในอเมริกาเหนือหรือยุโรป โดยไม่เกิดความเสียหาย เครื่องปฏิกรณ์ฯ San Onofre 2 ขนาด 1,070 MWe กับ San Onofre 3 ขนาด 1,080 MWe ซึ่งเป็นเครื่อง ปฏิกรณ์แบบ PWR ของ California และเครื่องปฏิกรณ์ Diablo Canyon 1 ขนาด 1,073 MWe กับเครื่องปฏิกรณ์ Diablo Canyon 2 ขนาด 1,087 MWe ซึ่งเป็นเครื่องปฏิกรณ์แบบ PWR ยังคงเดิน เครื่องเป็นปกติ ขณะที่เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.6 เมื่อเดือนมกราคม 1994 โดยโรงไฟฟ้า San Onofre ที่อยู่ใกล้กว่านั้น ตั้งอยู่ห่างจากศูนย์กลางของแผ่นดินไหวประมาณ 112 กิโลเมตร ในเดือนธันวาคม 1988 ได้เกิดแผ่นดินไหวทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอาร์เมเนีย (Armenia) ทำให้มีผู้เสียชีวิต 25,000 คน แรงสั่นสะเทือนนี้ รู้สึกได้ที่โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ของอาร์เมเนีย ที่ตั้งอยู่ห่างจากศูนย์กลางของแผ่นดินไหวไปทางใต้ประมาณ 75 กิโลเมตร |
สึนามิ (TSUNAMIS) แผ่นดินไหวใต้ท้องทะเลมักทำให้เกิดสึนามิ ซึ่งเป็นคลื่นความดันที่เคลื่อนผ่านมหาสมุทรอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นคลื่นยักษ์ที่มีความสูงมากกว่าสิบเมตรเมื่อไปถึงน้ำตื้น ก่อนจะโถมเข้าใส่แผ่นดินชายฝั่ง ในเดือนธันวาคมปี 2004 แผ่นดินไหวขนาด 9 ริกเตอร์ ทีอินโดนิเซีย ทำให้เกิดสึนามิไปถึงชายฝั่งตะวันตกของอินเดีย และทำให้เกิดผลกระทบต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ Kalpakkam ที่ตั้งอยู่ใกล้กับเมือง Madras/Chennai เมื่อเครื่องตรวจจับพบว่ามีระดับน้ำหล่อเย็นที่ผิดปกติ เครื่องปฏิกรณ์ได้ดับเครื่องลงโดยอัตโนมัติ และเดินเครื่องอีกครั้งใน 6 วันต่อมา |
สำหรับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ตั้งอยู่ใกล้กับระดับน้ำทะเล โครงสร้างอาคารที่คลุมเครื่องปฏิกรณ์ (containment) มีความแข็งแรงทนทาน สามารถป้องกันความเสียหายจากสึนามิ ต่อส่วนที่เป็นอุปกรณ์ทางนิวเคลียร์ได้ และหากส่วนอื่นของโรงไฟฟ้าได้รับความเสียหาย ก็จะไม่มีอันตรายที่เกิดจากรังสี |
video โรงไฟฟ้านิวเคลียส์
เป็นเรื่องที่น่าสนใจควรติดตามนะ โดยเฉพาะแทรกการให้ความรู้ด้วย VDO
ตอบลบครูว่าสำหรับ 1 บทความ เนื้อหายาวมาก สามารถเขียนเป็นบทความต่อเนื่องได้นะ และถ้าสรุปใจความสำคัญเป็นของตัวเองมาเขียนใหม่ก็จะดีกว่านี้มาก...ลองปรับปรุงใหม่นะ